บทแนะนำการเรียกใช้ฟังก์ชัน

การเรียกใช้ฟังก์ชันช่วยให้คุณรับเอาต์พุต Structured Data จากโมเดล Generative ได้ง่ายขึ้น จากนั้นคุณก็ใช้เอาต์พุตเหล่านี้เพื่อเรียก API อื่นๆ และส่งข้อมูลการตอบกลับที่เกี่ยวข้องกลับไปยังโมเดลได้ กล่าวคือ การเรียกใช้ฟังก์ชันจะช่วยคุณเชื่อมต่อโมเดล Generative กับระบบภายนอกเพื่อให้เนื้อหาที่สร้างขึ้นมีข้อมูลล่าสุดและถูกต้อง

คุณสามารถระบุคำอธิบายฟังก์ชันให้กับโมเดล Gemini ได้ ฟังก์ชันเหล่านี้คือฟังก์ชันที่คุณเขียนในภาษาของแอป (ไม่ใช่ฟังก์ชัน Google Cloud) โมเดลอาจขอให้คุณเรียกใช้ฟังก์ชันและส่งผลลัพธ์กลับเพื่อช่วยโมเดลจัดการการค้นหาของคุณ

หากยังไม่ได้อ่าน โปรดดูข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับการเรียกใช้ฟังก์ชันเพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม

ตัวอย่าง API สำหรับการควบคุมแสง

สมมติว่าคุณมีระบบควบคุมแสงพื้นฐานที่มี Application Programming Interface (API) และต้องการอนุญาตให้ผู้ใช้ควบคุมไฟผ่านคําขอแบบข้อความง่ายๆ คุณสามารถใช้ฟีเจอร์การเรียกฟังก์ชันเพื่อตีความคําขอเปลี่ยนแปลงแสงจากผู้ใช้และแปลเป็นคําเรียก API เพื่อตั้งค่าแสงได้ ระบบควบคุมแสงสมมตินี้ช่วยให้คุณควบคุมความสว่างของแสงและอุณหภูมิสีของแสงได้ ซึ่งกำหนดเป็น 2 พารามิเตอร์แยกกัน ดังนี้

พารามิเตอร์ ประเภท ต้องระบุ คำอธิบาย
brightness ตัวเลข ใช่ ระดับแสงจาก 0 ถึง 100 0 คือปิดและ 100 คือความสว่างเต็มที่
colorTemperature สตริง ใช่ อุณหภูมิสีของอุปกรณ์ให้แสงสว่าง ซึ่งอาจเป็น daylight, cool หรือ warm

ระบบแสงสว่างสมมตินี้จะมีเพียงหลอดไฟเดียวเพื่อความง่ายดาย ผู้ใช้จึงไม่ต้องระบุห้องหรือตำแหน่ง ต่อไปนี้คือตัวอย่างคําขอ JSON ที่คุณสามารถส่งไปยัง API การควบคุมแสงเพื่อเปลี่ยนระดับแสงเป็น 50% โดยใช้อุณหภูมิสีของแสงแดด

{
  "brightness": "50",
  "colorTemperature": "daylight"
}

บทแนะนำนี้จะแสดงวิธีตั้งค่าการเรียกฟังก์ชันสําหรับ Gemini API เพื่อตีความคําขอแสงของผู้ใช้และจับคู่กับการตั้งค่า API เพื่อควบคุมค่าความสว่างและอุณหภูมิสีของแสง